ฤดูกาลของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เต็มไปด้วยความยากลำบาก และการแข่งขันเยือนกับเอาก์สบวร์กในรอบที่ 13 ของบุนเดสลีกา ก็เป็นเกมที่ท้าทายเป็นพิเศษ ทีมต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้อย่างหนัก กลับบ้านด้วยสกอร์ 0-2 ผลการแข่งขันนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้ในลีกสองนัดติดต่อกัน สร้างความผิดหวังอย่างมาก

เมื่อมองย้อนกลับไป ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ชนะ 7 นัด เสมอ 2 นัด และแพ้ 3 นัดใน 12 นัดแรกของลีก แต่ช่องว่างกับบาเยิร์น มิวนิค ทีมจ่าฝูงยังคงห่างกันมาก การคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปียนส์ลีกจึงกลายเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เงาของการพ่ายแพ้ในบ้านต่อโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ในนัดก่อนหน้านั้นยังไม่จางหายไป เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทีมที่อ่อนกว่าอย่างเอาก์สบวร์กซึ่งตกอยู่ในโซนตกชั้น "โรงงานยา" ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการตกต่ำได้ตามที่หวังไว้

ในการแข่งขันนี้ ผู้จัดการทีมของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นใช้แผนการเล่น 3-4-2-1 โดยมุ่งเน้นการโจมตีเป็นรูปแบบหนึ่งของการป้องกัน ในแนวรุก พาทริค ชิค ทำหน้าที่เป็นกองหน้าตัวเป้าเพียงคนเดียว โดยมีฟลอเรียน ธิเย่ร์ และมาลิก ทิลล์มัน คอยสนับสนุนอยู่ด้านหลังสามประสานในแดนกลางอย่าง พุกกี้, อเล็กซ์ การ์เซีย และ มาซซา ทำหน้าที่เชื่อมเกมระหว่างแนวรุกและแนวรับได้อย่างลงตัว ด้านหลัง ทาปโซบา, บาเด และ อันดริช รับหน้าที่แผงหลัง โดยมี ฟลิคเคน ยืนเฝ้าเสา ผู้จัดการทีมส่งผู้เล่นตัวจริงที่มีมูลค่ารวมกันถึง 200 ล้านยูโร ลงสนาม ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับผู้เล่นตัวจริงของเอาก์สบวร์กที่มีมูลค่ารวมเพียง 93 ล้านยูโร
อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันของศักยภาพบนกระดาษเท่านั้น ตั้งแต่เริ่มเกม อักส์บวร์กก็สร้างความตกใจให้กับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นได้สำเร็จ เพียงแค่หกนาทีแรก ชล็อตเตอร์เบ็คส่งบอลอย่างแม่นยำให้กับเจียนนูลิส ซึ่งพบว่าตัวเองอยู่ตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตูที่ด้านซ้ายของกรอบเขตโทษ เขาจึงยิงบอลผ่านผู้รักษาประตูอย่างเยือกเย็น ทำให้อักส์บวร์กขึ้นนำ 1-0 – เป็นการเริ่มต้นในฝันการแข่งขันเริ่มดุเดือดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อแบงค์สและแอนตัน เคดต่างก็ถูกใบเหลืองจากการทำฟาวล์ ในนาทีที่ 26 มอริซพยายามยิงลูกข้ามหัว แต่ลูกบอลชนคานประตูอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ตาม โชคก็เข้าข้างเอาก์สบวร์กในไม่ช้าในนาทีที่ 31 อันตอน คาเด โหม่งบอลอย่างแรงที่เสาใกล้ บอลพุ่งผ่านฟลิคเข้าไปตุงตาข่าย ทำให้เอาก์สบวร์กนำห่างเป็น 2-0 ขณะที่ครึ่งแรกใกล้จะจบลง ลูกโหม่งของฮิกกี้ไปชนเสา ทำให้ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นแทบไม่มีอะไรให้จดจำจากความพยายามของพวกเขา
ในช่วงพักครึ่ง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ตามหลังอยู่ 0-2 แม้จะครองบอลได้เหนือกว่า (63%) และมีโอกาสยิงถึงสิบครั้ง แต่มีเพียงสองครั้งที่เข้ากรอบประตู ไม่สามารถทำประตูได้ ในทางตรงกันข้าม อูร์กสบวร์ก ทำประตูได้สองครั้งจากโอกาสเพียงห้าครั้ง แสดงให้เห็นถึงความมีประสิทธิภาพที่น่าทึ่ง

หลังจากพักครึ่งเวลา บาเยอร์ เลเวอร์คูเซ่น ทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่นครั้งแรก โดยส่ง ควานซาห์ และ โคฟาเน่ ลงสนามแทน บาเด และ เทอริเยร์ เพื่อพยายามเพิ่มพลังใหม่ให้กับทั้งเกมรุกและเกมรับ ขณะที่ อูร์กส์บวร์ก รอจนถึงนาทีที่ 57 ก่อนจะทำการเปลี่ยนตัว โดยส่ง โคมิล และ มักซ์ พีเซอร์ ลงสนามในนาทีที่ 66 ความพยายามยิงไกลของเบน ซาอิด พุ่งชนคานประตูอีกครั้ง ขณะที่โชคของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นดูเหมือนจะตกต่ำถึงขีดสุดในนาทีที่ 75 นาธาน เทลล่า ยิงซ้ำระยะเผาขนไปชนเสา ขณะที่ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นถูกเสาประตูปฏิเสธโอกาสซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายเจ้าบ้านก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของเอาก์สบวร์กได้จนจบเกม ทำให้ผู้จัดการทีม จูเลียน นาเกลส์มันน์ แสดงอาการผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด

ในที่สุด ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ต้องพ่ายแพ้ในเกมเยือนต่อเอาก์สบวร์ก 0-2 ซึ่งเป็นการแพ้ในลีกติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง ทำให้พวกเขาต้องกลืนยาขมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ความล้มเหลวครั้งนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นการเตือนสติให้กับเลเวอร์คูเซ่นอย่างแรง พวกเขาจำเป็นต้องรีบฟื้นฟูฟอร์มการเล่นและความมั่นใจให้กลับมาในนัดต่อไปเพื่อรักษาตำแหน่งในบุนเดสลีกาที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด